ขนมจี้โจ้
วันศุกร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556
ขั้นตอนการทำ “ขนมจี้โจ้”
เริ่มต้นจากการทำตัวไส้ก่อน
ไส้เค็ม
นำถั่วเหลืองแช่น้ำสะอาดทิ้งไว้ประมาณ 2- 3 ชั่วโมง เพื่อให้ถั่วนิ่ม
จากนั้นนำถั่วเหลืองไปนึ่งจนสุกแล้วนำไปบดให้ละเอียดตั้งพักไว้สักครู่เพื่อให้ถั่วเหลืองอยู่ตัวขั้นตอนต่อไปนำกระทะตั้งไฟใช้ความร้อนปานกลางใส่น้ำมันพืชลงไปเล็กน้อยเพื่อไม่ให้ติดกระทะนำถั่วเหลืองลงผัดใส่น้ำตาลทราย 1 ขีด น้ำตาลปิ๊บ 1 ขีด
และเกลือ 1 ขีด
ผัดกวนๆไปเรื่อยๆนานประมาณ 1ชั่วโมง
จนไส้จับตัวเป็นก้อน
มีความมันวาวและไม่ติดกระทะก็ใช้ได้ไส้ถั่วเหลืองก็จะเป็นไส้เค็ม
ไส้หวาน
นำถั่วดำไปต้มแล้วนำไปบดให้ละเอียด
พักไว้สักครู่เพื่อให้ถั่วเหลืองอยู่ตัวขั้นตอนต่อไปนำกระทะตั้งไฟใช้ความร้อนปานกลางใส่น้ำมันพืชลงไปเล็กน้อยเพื่อไม่ให้ติดกระทะนำถั่วดำลงผัดใส่น้ำตาลทราย 2 ขีด น้ำตาลปิ๊บ 3
ขีด และเกลือเพียงเล็กน้อย
ผัดกวนๆไปเรื่อยๆนานประมาณ 1ชั่วโมง
จนไส้จับตัวเป็นก้อน มีความมันวาวและไม่ติดกระทะก็ใช้ได้ไส้ถั่วดำก็จะเป็นไส้หวาน
ถัดมาเป็นการทำตัวขนม
ใช้แป้งข้าวหนียว 2 กิโลกรัม
น้ำตาลทราย 2 ขีด
และเผือกที่ต้มสุกแล้วนำมาบดให้ละเอียด 3 ขีดนำส่วนผสมทั้งหมดลงไปในกะละมัง
นวดผสมคลุกให้เข้ากันระหว่างนวดให้คอยเติมน้ำสะอาดลงไปเพื่อช่วยให้แป้งเนียนจับเป็นเนื้อเดียวสงเกตุว่าแป้งนิ่มไม่ติดมือก็เป็นอันใช้ได้นำผ้าขาวบางมาปิดไว้สักครู่
จากนั้นนำมาปั้นห่อไส้ที่เตรียมไว้
การปั้นห่อไส้ก็ให้หยิบแป้งให้ได้ขนาดใหญ่กว่าตัวไส้ประมาณ
3 เท่า ใช้มือแผ่แป้งแล้วจับแป้งหุ้มไส้
คลึงให้กลมนำไปคลุกกับงาแล้วนำไปทอดในน้ำมันร้อนที่ท่วมขนม
ใช้กระชอนคลึกแป้งในน้ำมันสักพักขนมจะสุกและจะลอยขึ้นมาจะมีกลิ่นหอมของแป้งและงาสีสันน่ารับประทานก็ตั้งขึ้นพักการะด้งตาห่างให้สะเด็ดน้ำมันแล้วก็จะได้ขนมจี้โจ้
ประวัติความเป็นมาขนมจี้โจ้หรืองาดอกไม้
“ขนมงา” หรือที่คนใต้เรียกว่า “ขนมจี้โจ้”
เป็นขนมแป้งที่ตัวแป้งมีลักษณะเหนียว
เป็นสูตรขนมชาวจีนฮกเกี้ยนที่มาแพร่หลายในไทย
ซึ่งนักศึกษาคณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) ธัญบุรี
ปิ๊งไอเดียพลิกแพลงทำเป็น “ขนมงาดอกไม้” ซึ่งทีม “ช่องทางทำกิน” มีสูตรมาเล่าสู่...
พลอย-น.ส.ดวงกมล ฉิมปรุ และ บี-น.ส.อิสรีย์ สุขอ่ำ
นักศึกษาชั้นปี 4 สาขาวิชาอาหารและโภชนาการ-ธุรกิจอาหาร คณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ มทร.ธัญบุรี
เป็นเจ้าของไอเดีย “ขนมงาดอกไม้” ปรุงรสขนมสูตรใหม่ที่อุดมด้วยคุณค่าสารอาหาร เอาใจคนรักสุขภาพ
โดยนำเอาดอกไม้มาเป็นส่วนผสมในขนมงาอย่างลงตัว กลายเป็นขนมงาดอกไม้รสอร่อย
แถมด้วยคุณค่าทางโภชนาการ โดยมี ผศ.อภิญญา พุกสุขสกุล และ ผศ. อุจิตชญา จิตรวิมล เป็นอาจารย์ที่ปรึกษา
“พวกเราได้เอาขนมงาแบบดั้งเดิมที่ตัวแป้งเหนียวๆ มาปรับปรุงสูตรใหม่
โดยการเพิ่มแป้งเข้าไปเป็นส่วนผสมและเปลี่ยนจากใช้เผือกมาเป็น ใช้มันไข่
เพราะในมันไข่ ประกอบด้วยคาร์โบไฮเดรตที่เป็นแหล่งพลังงานของร่างกาย
มีวิตามินเอ (เบต้าแคโรทีน) ช่วยเสริมสร้างกระดูก
ส่วนตัวไส้เปลี่ยนจากถั่วเหลืองหรือถั่วดำมาเป็น ใช้ถั่วเขียว เพราะถั่วเขียวมีโปรตีนสูง ไขมันต่ำ ลักษณะสีน่าทาน
นอกจากนี้ยังได้เสริมดอกไม้ 3 ชนิด คือ ดอกคำฝอย ดอกอัญชัน และดอกพวงชมพู เข้าไปด้วย”
สองสาวเล่าพร้อมบอกอีกว่า ที่นำดอกไม้มาเป็นส่วนผสมซึ่งดูน่ารับประทานมากขึ้นนั้น
ด้านประโยชน์ในดอกอัญชันมีสารแอนโทไซยานิน ที่ช่วยล้างสารที่ก่อมะเร็ง
และยังออกฤทธิ์ในการขยายเส้นเลือด เพิ่มการไหลเวียนในหลอดเลือดเล็ก
ดอกคำฝอย ช่วยลดความดันในโลหิตสูง ช่วยขับเหงื่อ เป็นยาระบายอ่อน ๆ บำรุงประสาท
ส่วนดอกพวงชมพู ช่วยเรื่องการหลับ ทำให้หลับง่าย และมีวิตามินเอสูง บำรุงสายตา
เป็นสูตรขนมชาวจีนฮกเกี้ยนที่มาแพร่หลายในไทย
ซึ่งนักศึกษาคณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) ธัญบุรี
ปิ๊งไอเดียพลิกแพลงทำเป็น “ขนมงาดอกไม้” ซึ่งทีม “ช่องทางทำกิน” มีสูตรมาเล่าสู่...
พลอย-น.ส.ดวงกมล ฉิมปรุ และ บี-น.ส.อิสรีย์ สุขอ่ำ
นักศึกษาชั้นปี 4 สาขาวิชาอาหารและโภชนาการ-ธุรกิจอาหาร คณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ มทร.ธัญบุรี
เป็นเจ้าของไอเดีย “ขนมงาดอกไม้” ปรุงรสขนมสูตรใหม่ที่อุดมด้วยคุณค่าสารอาหาร เอาใจคนรักสุขภาพ
โดยนำเอาดอกไม้มาเป็นส่วนผสมในขนมงาอย่างลงตัว กลายเป็นขนมงาดอกไม้รสอร่อย
แถมด้วยคุณค่าทางโภชนาการ โดยมี ผศ.อภิญญา พุกสุขสกุล และ ผศ. อุจิตชญา จิตรวิมล เป็นอาจารย์ที่ปรึกษา
“พวกเราได้เอาขนมงาแบบดั้งเดิมที่ตัวแป้งเหนียวๆ มาปรับปรุงสูตรใหม่
โดยการเพิ่มแป้งเข้าไปเป็นส่วนผสมและเปลี่ยนจากใช้เผือกมาเป็น ใช้มันไข่
เพราะในมันไข่ ประกอบด้วยคาร์โบไฮเดรตที่เป็นแหล่งพลังงานของร่างกาย
มีวิตามินเอ (เบต้าแคโรทีน) ช่วยเสริมสร้างกระดูก
ส่วนตัวไส้เปลี่ยนจากถั่วเหลืองหรือถั่วดำมาเป็น ใช้ถั่วเขียว เพราะถั่วเขียวมีโปรตีนสูง ไขมันต่ำ ลักษณะสีน่าทาน
นอกจากนี้ยังได้เสริมดอกไม้ 3 ชนิด คือ ดอกคำฝอย ดอกอัญชัน และดอกพวงชมพู เข้าไปด้วย”
สองสาวเล่าพร้อมบอกอีกว่า ที่นำดอกไม้มาเป็นส่วนผสมซึ่งดูน่ารับประทานมากขึ้นนั้น
ด้านประโยชน์ในดอกอัญชันมีสารแอนโทไซยานิน ที่ช่วยล้างสารที่ก่อมะเร็ง
และยังออกฤทธิ์ในการขยายเส้นเลือด เพิ่มการไหลเวียนในหลอดเลือดเล็ก
ดอกคำฝอย ช่วยลดความดันในโลหิตสูง ช่วยขับเหงื่อ เป็นยาระบายอ่อน ๆ บำรุงประสาท
ส่วนดอกพวงชมพู ช่วยเรื่องการหลับ ทำให้หลับง่าย และมีวิตามินเอสูง บำรุงสายตา
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)